วันเสาร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2552

ตำนานพระเจ้านั่งดิน




ในสมัยหนึ่ง มีพญาผู้ครองเมืองชะราวหรือพุทธรสแห่งนี้ ไม่ปรากฏชื่อไว้ในประวัติตำนาน เป็นผู้ได้ค้นพบประวัติตำนานของพระนั่งดินเมื่อปีพุทธศักราช 1213 ตัวปีล้วงไก๊เดือนโหราแรม 3 ค่ำ วันจันทร์ แล้วก็ได้คัดลอกเอาประวัติและตำนานนี้ จารึกใส่ใบลานแล้วนำไปถวายไว้ ตามวัดวาอารามหลายที่หลายแห่งด้วยกัน เพื่อช่วยกันเก็บรักษาไว้ ไม่ให้ประวัติตำนานนี้สูญหายไป รักษาให้ประชาชนคนรุ่นหลังได้รับรู้ความเป็นมาของปูชนียสถานที่สำคัญแห่งนี้ โดยทั่วกัน ประวัติและตำนานกล่าวไว้อย่างนี้

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลังจากได้บรรลุธรรมแล้วพระองค์ก็เสด็จออกเที่ยวประกาศพระธรรมคำสั่งสอน แก่ชาวโลกไปตามคามนิคมน้อยใหญ่ทุกแห่งหน นับตั้งแต่เมื่อง1พาราณสีเป็นต้น เรื่อยมามิได้ขาดมีผู้คนได้รู้แจ้งเห็นจริง ตามพระธรรมคำสอนพระพุทธองค์ เป็นจำนวนมากมาย พอพระองค์มีพระชนมายุย่างเข้า 60 พรรษา ก็ได้ทรงรำพึงในพระทัยว่า บัดนี้ความชราภาพของร่างกายก็ปรากฏขึ้นบ้างแล้วใกล้จะเสร็จดับขันธ์ปรินิพาน เข้ามาทุกทีๆ สมควรเสด็จเที่ยวไปประดิษฐานพระพุทธศาสนาทั่วทุกแว่นแคว้นน้อยใหญ่ให้ได้รับ ความร่มเย็นเป็นสุข ครั้นเมื่อพระพุทธองค์ทรงพระดำริเช่นนี้แล้วก็ได้ตรัสบอกแก่พระอรหันต์สาวก ให้รับทราบ

ในวันต่อมา พระพุทธองค์พร้อมด้วยพระสงฆ์สาวกและพระอานนท์ ผู้เป็นพระพุทธอุปัฏฐาก ตามเสด็จไปทั่วทุกคามน้อยใหญ่ จนบรรลุถึงสวรรณภูมิประเทศเมืองโยนกล้านนาในปัจจุบัน ทุกๆ แห่งที่พระพุทธองค์เสด็จไปถึง ได้ประทานซึ่งพระเกศา (เส้นผม) ของพระองค์เพื่ออนุญาตให้พุทธศาสนิกชนเก็บบรรจุไว้ตามสถานที่ต่างๆ ที่พระองค์ทราบและเห็นว่าสมควรไว้สักการะบูชาแทนพระองค์

เมื่อพระพุทธองค์ทรงเสด็จมาถึง เมืองชะราวหรือเมืองพุทธรส (เมืองเชียงคำปัจจุบัน) ได้เสด็จประทับอยู่ที่ดอยสิงกุตตระ (ดอยคำ) ขณะที่ประทับอยู่นั้น ในปัจฉิมราตรีหนึ่งชายยากไร้คนหนึ่งมีนามว่าคำแดงได้ปรากฏในข่ายพระญาณของ พระองค์ว่า จักเป็นผู้มีบุญมีอำนาจวาสนาในวันเวลาเร็วๆ นี้ พอสว่างแล้วพระพุทธองค์ก็เสด็จไปโปรดชายผู้ยากไร้คนนั้นครั้นเมื่อเสด็จไป ถึงแล้ว พระพุทธองค์ก็ทรงโปรดแสดงธรรมให้ฟัง จบแล้วนายคำแดงก็เกิดศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า ทั้งพระธรรมและพระสงฆ์เป็นอย่างยิ่ง ได้แสดงตนเป็นอุบาสกในพุทธศาสนา

นายคำแดง มีความประสงค์ให้พระองค์ประทับอยู่ในเมืองแห่งนี้ตลอดไปแต่พระพุทธองค์ไม่ทรงรับ จะเสด็จไปประกาศพระศาสนาอีกหลายแคว้น และพร้อมกันนั้นพระพุทธองค์ก็ทรงตรัสกับนายคำแดงว่า จงปั้นรูปเราตถาคตไว้แทนเถิดจักเกิดผลานิสงฆ์อันใหญ่หลวง คนทั้งปวงก็จะได้มาสักการะบูชา นายคำแดง มีความดีใจอย่างมากที่ได้รับสั่งเช่นนั้นแล้ว กราบทูลถามว่าจะให้กระทำอย่างไรจึงจะเป็นการสมควรและเหมาะสม พระพุทธองค์ก็ได้ตรัสสั่งแก่พญาอินทร์ พญานาค ฤาษี และพระอรหันต์อีก 4 รูป ให้ไปเอาดินที่เมืองลังกาทวีป เอามาให้แก่นายคำแดงผู้ยากไร้ ปั้นพระพุทธรูปดังกล่าว ครั้งเมื่อได้ดินมาแล้วนายคำแดงก็ปั้นด้วยตนเอง ให้เวลาปั้นนานถึง 1 เดือน กับ 7 วัน จังเสร็จ

กล่าวถึงพระพุทธเจ้า พอตรัสสั่งให้พญาอินทร์ พญานาค ฤาษีและพระอรหันต์ไปเอาดินมาให้นายคำแดง แล้ว พระพุทธองค์ก็เสด็จไปประกาศศาสนาในแคว้นอื่นต่อไป ในเมื่อพระองค์ทราบด้วยจักษุโสตะทิพย์ว่า บัดนี้นายคำแดงได้ทำการก่อปั้นสารูปเสร็จแล้วจึงเสด็จมาสู่เมืองชะราวแห่ง นี้อีก และได้ทอดพระเนตรเห็นรูปปั้นไม่ได้สัดส่วน จึงตรัสสั่งให้นายคำแดงแก้ไขและเพิ่มเติมให้ถูกต้อง ขนาดใหญ่เท่ากับพระองค์จึงมีอิทธิฤทธิ์รุ่งเรืองงาม เมื่อนายคำแดงได้ทำการแก้ไขและเพิ่มเติมได้สัดส่วนดีแล้วพระพุทธรูปก็ได้ แสดงฤทธิ์ให้ปรากฏ โดยเสด็จลงจากพระแท่นแล้วแสดงความเคารพพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ได้ทอดพระเนตรแล้วว่า พระพุทธรูปมีเดชฤทธิ์เช่นนี้แล้ว จึงได้ตรัสสั่งกับพระสารูปนั้นด้วยความว่า ขอให้รูปของเราตถาคตนี้จงอยู่เฝ้าศาสนาให้ครบ 5,000 พรรษาเถิด ศาสนานี้เป็นของเราแล้ว

ในขณะนั้นก็มีพญาผู้ครองเมือง ตลอดถึงเหล่าเสนาอำมาตย์ไพร่ฟ้าประชาชนเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าอยู่เป็นจำนวนมาก พระพุทธเจ้าก็ทรงแสดงพระธรรมให้แก่ชนทั้งหลายครั้งเมื่อจบพระธรรมเทศนาแล้ว พระพุทธองค์ได้ตรัสสั่งว่าสถานที่แห่งใดเป็นที่ชุมชน มีผู้คนอยู่เป็นจำนวนมากขอให้จงพากันอาราธนาอัญเชิญ รูปของเราตถาคตนี้ไปประดิษฐานไว้ที่แห่งนั้น เพื่อให้คนทั้งหลายได้ไปสักการะบูชา บำเพ็ญกุศลให้ทานรักษาศีล เจริญเมตตา ภาวนา ให้เป็นปัจจัยบรรลุมรรคผลนิพพาน และบ้านเมืองก็จักอยู่เย็นเป็นสุขสืบไป

ครั้งเมื่อพระพุทธองค์ตรัสสั่งเช่นนี้แล้วก็ได้เสด็จออกเที่ยวจาริก เพื่อประกาศพระศาสนาในแว่นแคว้นอื่นต่อไป เมื่อพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยสาวกทั้งหลายได้เสด็จไปแล้วท้าวเสนาอำมาตย์ ประชาราษฎร์ทั้งหลายจึงได้พร้อมกันกราบอาราธนาอัญเชิญพระพุทธรูปดังกล่าวไป ระดิษฐานไว้ในเมืองพุทธรส ซึ่งเป็นประชาชนผู้คนอยู่หนาแน่น สถานที่กว้างขวางเหมาะสมทุกประการ (บริเวณที่แห่งนั้น คือ สถานที่ตั้งวัดพระนั่งดินปัจจุบัน) พอได้อัญเชิญพระพุทธรูปเข้าประจำสถานที่เรียบร้อยแล้ว ก็ได้กระทำพิธีมอบสถานที่ดังกล่าวทั้งหมดเป็นเขตแดนพระพุทธศาสนาถวายเป็น พุทธบูชา แด่องค์สัมมาพระพุทธเจ้าแล้วประกาศไว้ว่า สถานที่บริเวณแห่งนี้ไม่ว่าท้าวพญาเสนาอำมาตย์ ผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งหลายไม่ควรอยู่อาศัยเพราะได้ยกถวายแก่พระพุทธรูปแล้ว นับตั้งแต่นั้นมาคนทั้งหลายจึงเรียกกันว่า วัดพระเจ้านั่งดินบ้าง วัดพระนั่งดินบ้าง ที่เรียกเช่นนั้นเพราะพระพุทธรูปเสด็จลงจากบัลลังก์ หรือพระแท่นแสดงความเคารพพระพุทธเจ้าแล้วไม่ยอมประทับบัลลังก์ ทรงประทับกับพื้นจนตราบเท่าทักวันนี้

กล่าวถึงนายคำแดง ผู้ก่อปั้นพระพุทธรูปดังกล่าว อยู่ต่อจากนั้นมาไม่นานก็ได้อภิเษกเป็นพญาผู้ครองเมืองชะราว หรือเมืองพุทธรส มีนามว่า พญาคำแดง ปรากฏว่ามีบุญญาบารมีแก่กล้า มีอำนาจวาสนายิ่งกว่าพญาหัวเมืองทั้งหลาย ได้ปกครองประชาชนโดยศีลธรรมเป็นที่รักและเคารพนับถือของไพร่ฟ้าประชาชน


คติและแนวคิด


เป็นความศรัทธาเชื่อมั่นในศาสนาของประชาชน ทำให้ประชาชนที่นับถือมีความเลื่อมใส และเคารพสิ่งที่ประชาชนเห็นว่าศักดิ์สิทธิ์ และเป็นศูนย์รวมความรักและสามัคคีอย่างหนึ่ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น